Angry Birds

การเลือกซื้อ ซีพียู (Processor)

ซีพียู (Processor)
สำหรับ Processor ในปัจจุบันยังคงมี 2 ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Intel และ AMD แชร์ส่วนแบ่งตลาดกันอย่างชัดเจน โดยมีซีพียูของแต่ละค่ายออกมาให้ได้สัมผัสกันหลายรุ่นเลยทีเดียว ตั้งแต่กลุ่มผู้ใช้ทั่วไป จนถึงกลุ่มเพาเวอร์ยูสเซอร์และมืออาชีพ


สำหรับค่าย Intel นั้น มีซีพียูที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดเวลานี้ 3 Series หลักด้วยกัน ประกอบด้วย Intel Celeron, Pentium และ Core i Processor โดยที่มีการแบ่งแพลตฟอร์มออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกันคือ Socket 1155, Socket 1155 และ Socket 2011
Intel Celeron : เป็นซีพียูรุ่นประหยัดสำหรับคนที่เริ่มต้นการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ ราคาไม่แพง โดยทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์พื้นฐานทั่วไปในปัจจุบัน ทำงานในแบบ 2 Cores/ 2 Threads โดยใช้รหัสที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน Celeron G1xxx ทำงานบนซ็อกเก็ต 1155
Intel Pentium : เป็นซีพียูสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ให้รองรับการทำงานกับซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งในด้านเกมสามมิติและมัลติมีเดียพื้นฐานประจำวัน ทำงานในแบบ 2 Cores/ 2 Threads โดยใช้รหัสจำหน่ายในปัจจุบัน Pentium G2xxx ทำงานบนซ็อกเก็ต 1155
Intel Core i3 : เป็นซีพียูสำหรับผู้ที่ต้องการความสามารถในการประมวลผลในระบบมัลติทาส์กกิ้ง รวมถึงกราฟิกที่รองรับมัลติมีเดีย HD ได้ ทำงานในแบบ 2 Cores/ 4 Threads มาพร้อมระบบกราฟิก HD2500 และ HD4000 โดยมีรหัสที่ใช้จำหน่ายในปัจจุบันคือ Core i3 3xxx ซึ่งเป็นซีพียูภายใต้โค้ตเนม Ivybridge ซึ่งเป็นซ็อกเก็ต 1155
Intel Core i5 : เป็นซีพียูที่มากด้วยประสิทธิภาพและคุณสมบัติเพื่อแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่ต้องใช้ทรัพยากรที่สูงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นงานในด้านกราฟิก มัลติมีเดียหรือความบันเทิงในระบบ HD และเกมสามมิติ ด้วยพลังประมวลผลที่สูง ทำงานในแบบ 4 Cores/ 4 Threads พร้อมเทคโนโลยี TurboBoost พร้อม HD Graphic HD2xxx และ HD4xxx ซึ่งมีรหัสที่ใช้จำหน่ายในปัจจุบันคือ Core i5 3xxx เป็นซ็อกเก็ต 1155 และ Core i5 4xxx เป็นซ็อกเก็ต 1150
Intel Core i7 : เป็นซีพียูทรงพลังสำหรับผู้ที่ต้องการศักยภาพในการประมวลผลขั้นสูง ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี รองรับการทำงานในแบบมัลติทาส์กกิ้ง ตอบสนองการทำงานทั้งในด้านของซอฟต์แวร์เฉพาะทาง งานด้านกราฟิก ความบันเทิงมัลติมีเดียด้วยระบบ HD รวมถึงฮาร์ดคอร์เกมมิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทั้งรุ่นที่เป็นแบบ 4 Cores/ 8 Threads และแบบ 6 Cores/ 12 Threads มาพร้อมเทคโนโลยี TurboBoost และระบบกราฟิกคุณภาพ HD4000 และ HD4600 ซึ่งมีรหัสที่ใช้จำหน่ายในปัจจุบันคือ Core i7 37xx ที่เป็นซ็อกเก็ต 1155 และ Core i7 38xx, 39xx บนซ็อกเก็ต 2011 รวมไปถึง Core i7 4xxx ที่เป็นซ็อกเก็ต 1150 รุ่นใหม่ที่เป็น Haswell


ส่วนทางค่าย AMD นั้น ก็มีซีพียูในรุ่นต่างๆ ให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ในกลุ่มตลาดล่างสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัด ระดับกลางสำหรับงานทั่วไปและซอฟต์แวร์ออฟฟิศ ไปจนถึงกลุ่มที่ต้องการ ประสิทธิภาพด้านงานกราฟิกและมืออาชีพ ซึ่งประกอบไปด้วยซีพียูรุ่นต่างๆ เหล่านี้ AMD E-series, A-Series และ FX-series ซึ่งต่างมีคุณลักษณะที่เหมาะกับการใช้งานต่างกันไป โดยประกอบด้วยแพลตฟอร์ม FM1, FM2 และ AM3+
AMD E-series : เป็นซีพียูรุ่นประหยัดสำหรับการทำงานบนอุปกรณ์โมบายและ All-in-One PC รองรับแอพพลิเคชันพื้นฐาน ประหยัดพลังงาน ทำงานในแบบ 2 Cores/ 2 Threads โดยมีกราฟิกมาในตัว HD43xx โดยใช้รหัส E2-xxxx
AMD A-series : เป็นซีพียูที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความแรงอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความบันเทิงในด้านมัลติมีเดียในระดับไฮเดฟหรือกราฟิก เกม 3 มิติและการทำงานในแบบมัลติทาส์กกิ้ง ด้วยการทำงานในแบบ 2 Cores – 4 Cores มาพร้อมกราฟิกที่เรียกว่า APU ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกราฟิกการ์ดมาในตัว HD6xxx พร้อมฟีเจอร์ Dual Graphic หรือ Hybrid CrossFire ใช้รหัสในปัจจุบัน A4 3xxx และ 5xxx, A6 3xxx และ 5xxx, A8 3xxx และ 5xxx และ A10 5xxx ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม FM1 และ FM2
AMD FX-series : เป็นซีพียูในระดับ Performance สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ร่วมกับซอฟต์แวร์เฉพาะทาง มัลติมีเดียในระดับไฮเดฟและการเล่นเกมชั้นยอด ด้วยจุดเด่นทั้งในส่วนของการทำงานในระบบมัลติทาส์กกิ้ง ซึ่งมีให้เลือกทั้ง 4 Cores (FX-4xxx series), 6 Cores (FX-6xxx) และ 8 Cores (FX-8xxx) รวมถึงมีเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้การทำงานอีกมากมาย ใช้งานร่วมกับซ็อกเก็ต AM3+

ที่มา : Notebookspec

การเลือกซื้อ กราฟิกการ์ด (Graphic Card)





กราฟิกการ์ด (Graphic Card)

ในส่วนของกราฟิกการ์ดหรือการ์ดจอ นอกจากจะใช้ในการส่งสัญญาณจากคอมพิวเตอร์แสดงผลออกสู่จอภาพแล้ว ในปัจจุบันยังมีหน้าที่ในการประมวลผลกราฟิกอย่างเต็มตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะใช้ในส่วนของโปรแกรมกราฟิกหรือเกมสามมิติก็ตาม โดยกราฟิกการ์ดเวลานี้ มีทั้งแบบที่เป็นกราฟิกออนซีพียูของทั้ง Intel และ AMD รวมถึงกราฟิกการ์ด ที่มีทั้งค่าย nVIDIA และ AMD เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ว่าต้องการใช้งานในแบบใด โดยแต่ละแบบก็มีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน
Graphic on Processor สำหรับกราฟิกออนซีพียู มีให้เห็นด้วยกันทั้ง 2 ค่าย ซึ่งต่างก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยทาง Intel นั้นมีกราฟิกในชื่อของ HD Graphic ที่จะมีอยู่ในซีพียูเกือบทุกรุ่น แต่ทาง AMD จะเป็นกราฟิกที่เรียกว่า HD ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าหลักๆ จะมีอยู่ในซีพียู A-series โดยประสิทธิภาพของกราฟิกออนซีพียูนี้ เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับกราฟิกการ์ดรุ่นล่างและกลางในปัจจุบันมากทีเดียว
สำหรับค่าย Intel นั้น มีหน่วยประมวลผลกราฟิกที่เรียกว่า Intel HD Graphic อยู่บนซีพียูในรุ่นต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Core i3, Core i5 และ Core i7 บางรุ่น สังเกตได้ง่ายๆ เลยคือ จะมีตัวเลขบอกถึงรุ่นปรากฏอยู่กล่องหรือแจ้งในระบบ ว่าเป็น HD Graphics รุ่นใดเช่น HD2500, HD4000 ซึ่งเป็นกราฟิกในซีพียู IvyBridge ส่วน HD4600 นั้น จะมาพร้อมกับซีพียูที่เป็น Core i5 และ Core i7 ภายใต้สถาปัตยกรรม Haswell รุ่นใหม่นั่นเอง พร้อมความเร็วในการทำงานระดับ 1xxxMHz รวมถึงใช้เมมโมรีร่วมกับแรมระบบ
ส่วนทางด้าน AMD นั้นจะมีการติดตั้งหน่วยประมวลผลกราฟิกไว้บนซีพียู A-series หรือ APU นั่นเอง โดยจะเป็นกราฟิกที่ใช้ชื่อตามกราฟิกการ์ดที่มีอยู่ในปัจจุบันเลยทีเดียว อย่างเช่น RADEON HD6550D หรือ HD7660G เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถดูได้จากแพ็กเกจที่จำหน่ายได้เช่นเดียวกัน โดยรองรับการทำงานทั้งมัลติมีเดีย HD และเกมสามมิติได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีกราฟิกการ์ดหรือการ์ดจอ ที่เป็นการ์ดที่ใช้ติดตั้งบนเมนบอร์ดผ่านทางสล็อต PCI-Express โดยข้อสังเกตของการ์ดรุ่นต่างๆ อยู่ที่องค์ประกอบสำคัญเหล่านี้
GPU หรือ Graphic core สำหรับค่าย nVIDIA ใช้ชื่อว่า GeForce และต่อด้วยรหัส GT/ GTX และตัวเลขรุ่น 6xx/ 7xx ส่วนค่าย AMD ใช้ชื่อรุ่นว่า RADEON และต่อท้ายด้วยรหัส HD7xxx ตัวเลขที่แสดงอยู่บนกล่องหรือตัวการ์ดนั้น มีด้วยกันหลายส่วน จุดหลักๆ จะอยู่ที่ Graphic Core หรือความเร็วของแกนหลัก GPU clock และ Memory clock ซึ่งมักจะใส่คู่กันเป็น xxxMHz/ xxxxMHz ส่วนที่จะมีเพิ่มเติมเข้ามาอาจจะความเร็ว Boost clock หรือการเพิ่มความเร็วในแบบ OC สำหรับการ์ดจากค่าย nVIDIA ตั้งแต่ในรุ่น 6xx series หรือบางครั้งก็จะใส่เป็น Shader speed xxxMHz
Memory สำหรับเมมโมรีนั้น มีข้อสังเกตด้วยกัน 3 เรื่องคือ ขนาดและรูปแบบเมมโมรี ซึ่งทั้ง 2 ส่วนล้วนแต่มีความสำคัญด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วและราคา
Memory size : มีความสำคัญในการด้านการทำหน้าที่เก็บข้อมูลของกราฟิกแล้วจัดส่งให้ GPU เพื่อประมวลผล โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 1-2GB เป็นมาตรฐาน ไปจนถึง 3-6GB ในรุ่นพิเศษ
Memory type : มีความสำคัญในแง่ของความเร็วและแบนด์วิทธ์ในการทำงาน ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบ GDDR3 และ GDDR5
Memory Bandwidth : เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ต่อการส่งข้อมูลให้กับ GPU เพื่อประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งตัวเลขมาก ก็หมายถึงช่องทางในการส่งข้อมูลที่กว้างขึ้น โดยบอกตัวเลขเป็น “bit” มีให้เลือกตั้งแต่ 128-bit, 192-bit, 256-bit หรือ 384-bit เป็นต้น
Molexต่อไฟเลี้ยง ใช้สำหรับการต่อพ่วงไฟเข้ากับการ์ดในกรณีที่การ์ดมีประสิทธิภาพสูง จำเป็นต้องใช้ไฟเลี้ยงเพิ่มเติม นอกเหนือจากการใช้ไฟจากสล็อต PCI-Express โดยจะเป็นไฟเลี้ยง +12V ในเรื่องของ Molex จะเป็นแบบ 4-pins, 6-pins หรือ 8-pins ขึ้นอยู่กับการออกแบบการ์ดในแต่ละรุ่น
Display Output เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญบนกราฟิกการ์ด ที่จะต้องนำมาใช้ร่วมกับจอแสดงผลที่ใช้ ซึ่งในปัจจุบันมีพอร์ตสำหรับการแสดงผลการ์ดจออยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น D-sub, DVI, HDMI และ Displayport ขึ้นอยู่กับการ์ดในแต่ละรุ่นจะติดตั้งพอร์ตแบบใดมาให้ ซึ่งผู้ใช้ก็ต้องสังเกตจอที่ใช้ด้วยว่าเป็นพอร์ตแบบใด เพื่อที่จะนำไปใช้งานร่วมกันได้

ที่มา : Notebookspec

Web filtering กำหนดการดูเว็บไซต์ ป้องกันภัยร้ายแอบแฝง

สิ่งที่กำลังจะพูดถึงก็คือ การที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถ Access หรือเข้าถึงข้อมูลทุกสิ่งอย่างบนโลกอินเทอร์เน็ตได้นั้น เป็นเรื่องที่อันตรายพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับข่าวสารของบุคคลต่างๆ ภายในบ้านที่ควรจะต้องมีการคัดกรอง ป้องกันไม่ให้การเข้าถึงเว็บไซต์ที่สุ่มเสี่ยง ซึ่งอาจก่อเกิดปัญหาการเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือการรับรู้ข่าวสารที่ผิดพลาด รวมถึงสื่อลามกอนาจารต่างๆ ที่ไม่ควรจะให้เข้าถึงได้อย่างอิสระเสรี ในกรณีที่มีการกำหนดตัวผู้ใช้หรือ Add user account มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เข้าไปที่ Family Safety ที่อยู่ใน Control panel

 

1.ให้เลือก User ที่ต้องการกำหนดการเข้าถึงข้อมูลบนเว็บไซต์ โดย User นั้น ต้องมีสิทธิ์เป็นผู้ใช้ทั่วไปหรือ Standard user เท่านั้น

 
2.เมื่อคลิกเลือก User ได้แล้ว จะเข้ามาอยู่ในหน้าของ User settings ให้กำหนดไปทีละหัวข้อ


3.Family Safety ให้เลือกที่ On, enforce current settings เป็นการเปิดโหมดการทำงานการป้องกัน


4.Activity reporting : ให้เลือกที่ On, collect information about PC usage
 


 5.Web filtering : ในหัวข้อนี้เป็นการกำหนดบรรดาเว็บต่างๆ เป็นรายเว็บไป ซึ่งผู้ใช้จะสามารถกำหนดได้ว่าให้เข้าหรือไม่ให้เข้าเว็บใดได้บ้าง โดยให้เลือกที่ …can only use the websites that I allow


6.มีให้เลือก 2 แบบคือ Allow or block websites by rating and content type ในจุดนี้จะเป็นการจัดระดับการเข้าถึงเว็บไซต์ในแบบต่างๆ

7.Allow or block all website : จะเป็นการกำหนดตัวเว็บโดยการระบุชื่อโดยตรงว่าจะให้ Block เว็บไซต์ชื่ออะไรบ้างหรือจะให้ Access หรือเข้าถึงเว็บไซต์ใด ซึ่งจะละเอียดมากยิ่งขึ้น
รูปแบบการป้องกันทั้ง 2 แบบนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยปกป้องคนที่เราดูแล ให้สามารถเข้าถึงหรืองดเข้าใช้เว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี

ที่ีมา : Notebookspec

เครื่องแฮงก์บ่อย ลอง Check error ดูหน่อยดีมั้ย

สำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ ปัญหาที่เจอกันบ่อย นอกจากเรื่องไวรัสหรือการใช้งานซอฟต์แวร์แล้วมีปัญหา ก็ยังมีเรื่องของฮาร์ดแวร์และไฟล์ระบบ ที่บางครั้งอาจจะเกิดจากการใช้งานมายาวนาน จนบางครั้งเกิดไฟล์ขยะหรือเกิดความผิดพลาดในการทำงานร่วมกันของไฟล์ต่างๆ ซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหาในการทำงาน หลายคนเลือกที่จะติดตั้งซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาเข้าไปเพิ่ม แต่บางคนก็มองข้ามไปแบบไม่สนใจ จนถึงที่สุดแล้ว ค่อยฟอร์แมตลงใหม่ ซึ่งก็เป็นทางออกที่ดี แต่ตามจริงแล้วบน Windows ก็มีฟังก์ชันสำหรับการดูแลตรวจสอบระบบ รวมถึงการซ่อมแซมในเบื้องต้นได้อีกด้วย ซึ่งเรียกว่า Check error


1.  ขั้นแรกให้เรียกฟังก์ชัน Check error ขึ้นมา ด้วยการคลิกขวาที่ไดรฟ์ ใน My Computer แล้วเลือก Properties




2.  จากนั้นเลือกไปที่แท็บ Tools จากนั้นคลิกที่ Check ในหัวข้อ Error checking



3.  ในหน้าต่างของ Error Checking นั้น ให้เลือกที่ Scan drive เพื่อให้ระบบทำการสแกนระบบ ซึ่งจะใช้เวลามากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและปัญหาที่เกิดขึ้น 




4.  เมื่อระบบทำการสแกนเสร็จ แล้วก็จะมีหน้าต่างแสดงผลขึ้นมา รวมถึงสามารถคลิกที่ Show Detail เพื่อดูรายละเอียดของการทำงาน



5.  โดยในหน้าต่าง Event Viewer จะมีข้อมูลในเบื้องต้นของระบบ ที่หากมีในส่วนใดที่ผิดปกติ ก็สามารถดับเบิลคลิกขึ้นมาดูได้ทันที
เรียกได้ว่าเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ แล้วเจอกับปัญหาขึ้นกับระบบ ก็สามารถเรียกใช้ Error Checking นี้ได้ทันที นอกจากนี้ยังเป็นการเรียกใช้งานจากฟังก์ชันบน Windows เองด้วย จึง่ายและสะดวก แต่ถ้าต้องการฟังก์ชันที่ใช้ในการแก้ไขหรือปรับแต่งมากกว่านี้ ก็คงต้องเลือกใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะมาช่วยในการทำงานดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ที่มา : Notebookspec

ปิดและเปลี่ยน ป้องกันข้างบ้านแอบใช้ Wi-Fi

     ปิดและเปลี่ยน ป้องกันข้างบ้านแอบใช้ Wi-Fi
ปัจจุบันหลายบ้านนิยมติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเอาไว้ แล้วกระจายสัญญาณ WiFi เพื่อใช้ในส่วนต่างๆ ของตัวบ้านให้ครบอคลุม ซึ่งบางทีพื้นที่บ้านกว้างมาก ก็พยายามหาทางที่จะจ่ายสัญญาณให้ได้ครบ แต่ก็ลืมไปว่าพื้นที่ของสัญญาณนั้นจะครอบคลุมไปยังพื้นที่อื่นนอกบ้านด้วย หากไม่มีการป้องกันไว้อย่างรัดกุมแล้ว ก็มีโอกาสที่จะถูกผู้อื่นที่เข้าถึงสัญญาณได้ลักลอบใช้งานเอาง่ายๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาเสียเลย รวมถึงหากมีระบบความปลอดภัยที่ไม่ดีพอ ก็อาจจะโดนข้างบ้านแอบใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้นมาดูวิธีง่ายๆ ที่จะป้องกันการลักลอบใช้สัญญาณ WiFi


1.  การปิดฟังก์ชัน Broadcast SSID เมื่อเพื่อนบ้านหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำการสแกนหา Wireless บริเวณที่บ้านของคุณ ก็จะไม่พบว่ามีสัญญาณให้เชื่อมต่อเลย นับว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยมากๆ เพราะเป็นเหมือนการปิดเส้นทางในการมองเห็นหรือเชื่อมต่อไปโดยปริยาย รวมกับว่าไม่มีสัญญาณการเชื่อมต่อในบริเวณนั้น แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย เพราะเมื่อเวลาที่ต้องการใช้ ก็ต้องมาตั้งค่า Connect ด้วยตัวเองทุกครั้ง แทนที่ระบบเมื่อสแกนเจอก็เชื่อมต่อได้ทันที แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดก็ต้องแลกกันบ้าง



2.  MAC Address Filtering ถือเป็นฟังก์ชันที่คอยตรวจสอบระบบ MAC Address ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะเชื่อมเข้ากับระบบเครือข่าย โดยที่ MAC Address จะเป็นหมายเลขที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงาน โดยผูกกับตัวฮาร์ดแวร์ ไม่เหมือนกับ IP Address ที่ถูกกำหนดโดยซอฟต์แวร์ ดังนั้นถ้ามีการตั้งค่าให้คอมพิวเตอร์ด้วยหมายเลข MAC Address ตามที่กำหนดเท่านั้นที่สามารถเชื่อมต่อได้ ก็จะเป็นความปลอดภัยที่ดีที่สุด โดยเมื่อมีผู้อื่นจากภายนอก เข้ามาขอใช้แบบถูกต้อง ก็สามารถที่จะเพิ่ม MAC Address ของเครื่องเหล่านั้นเข้าไปได้เช่นเดียวกัน



3.  การเปลี่ยนวง IP ให้ต่างไปจากระบบเดิมที่เป็นค่าจากโรงงาน ซึ่งอาจจะถูกคาดเดาได้ง่ายซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่าย แต่อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเป็นแค่การเปลี่ยนชุด IP เดิม ให้กลายเป็นชุด IP ใหม่ ให้ต่างจากค่ามาตรฐานจากโรงงานเริ่มต้นเท่านั้น อย่างเช่น การเปลี่ยนจากค่า 192.168.0.x ซึ่งเป็นที่คุ้นตากัน ให้กลายเป็น 192.168.45.x หรือหมายเลขอื่นแทน เพื่ออย่างน้อยให้คนที่จะเข้ามาลักลอบใช้ ต้องออกแรงอยู่บ้าง เพราะต้องเปลี่ยนชุดหมายเลขไปเรื่อยๆ แต่ถ้าอดทนพอก็มีโอกาสเข้าใช้งานได้เหมือนกัน

ที่มา : Notebookspec